โยฮัน ครัฟฟ์ (Johan Cruijff)
โยฮัน ครัฟฟ์ ยอดนักเตะแห่งทีมอัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่มีลีลาการเล่นสง่างามที่สุดจนได้ฉายาว่า "นักเตะเทวดา" ครัฟฟ์เกิดในเมืองอัมสเตอร์ดัม โดยบ้านเกิดของเขาอยู่ห่างจากสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่าง อาแจ็กซ์ เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งพ่อแม่ของเขาต่างก็ทำงานในสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ด้วย
ทั้งนี้ ครัฟฟ์ เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี กับสโมสรอาแจ็กซ์ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นสโมสรกึ่งอาชีพอยู่ จนกระทั่ง 2 ปีต่อมาอาแจ็กซ์กลายเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโลก และด้วยลีลาการเล่นที่รวดเร็วและสร้างสรรค์ ที่เรียกกันว่า “Total Football” ของเขา ทำให้ครัฟฟ์เป็นหัวใจหลักของทีมได้เสมอมา จนหลาย ๆ ครั้งที่การเล่นของเขานำมาซึ่งชัยชนะให้กับทางอาแจ็กซ์ และทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้หลายครั้งหลายครา
ผลงานในสนามของโยฮัน ครัฟฟ์ เองก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแฟนบอลทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัด โดยเขานำอาแจ็กซ์คว้าชัยด้วยผลงานการทำประตู 25 ลูก ใน 23 นัด คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุ 18 ปี หลังจากนั้นก็พาสโมสรคว้าแชมป์ยุโรป และพาทีมชาติคว้าแชมป์ยุโรปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ครัฟฟ์ไม่เคยพาอัศวินสีส้มสัมผัสกับความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลโลกได้เลยสักครั้ง โดยครั้งที่ใกล้เคียงที่สุดก็ทำได้เพียงแค่เข้าชิงกับทีมชาติเยอรมันตะวันตก ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดายที่สกอร์ 2-1
หลังจากบอกลาการโลดแล่นในสนาม โยฮัน ครัฟฟ์ ผันตัวเป็นผู้จัดการทีม เคยบริหารทีมชั้นนำอย่าง อาแจ็กซ์ และบาร์เซโลนา ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมดูแล คาตาโลเนีย สโมสรฟุตบอลในสเปน
วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เลโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi)

เลโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi)
เมสซี่ ถือเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกที่ปัจจุบันยังคงโลดแล่นอยู่ในสนามฟุตบอล โดยความสำเร็จของเมสซี่ นั้นเทียบได้กับเปเล่และมาราโดน่าในยุคนั้น ด้วยถ้วยรางวัลมากมายในระดับสโมสรและระดับทวีป เหลือก็แต่เพียงฟุตบอลโลกเท่านััน
หนทางชีวิตนักฟุตบอลของเมสซีนั้นถือเป็นระดับฟ้าประทานเลยทีเดียว เขาเติบโตและฝึกหัดฟุตบอลในอาร์เจนตินา แต่ด้วยความผิดปกติทางร่างกายทำให้เขาสูงเพียง 140 ซม. ขณะอายุ 13 ปี ซึ่งแพทย์แนะนำให้ฉีดฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต ทว่ากลับต้องแลกกับค่าใช้จ่ายสูงถึงเดือนละ 30,000 บาท ทำให้พ่อของเขาถึงกับต้องถอดใจ แต่ท้ายที่สุดโชคก็เข้าข้าง เมื่อสโมสรบาร์เซโลนาเห็นแววของเด็กคนนี้ จึงขอให้รับการฝึกฝนกับทางสโมสรและพร้อมจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ ซึ่งผลการรักษาทำให้เขาสูงขึ้นเป็น 170 ซม.
สโมสรบาร์เซโลนาได้สร้างสุดยอดนักฟุตบอลของโลกขึ้นมาอีกคนหนึ่ง โดยเมสซี่เป็นได้ทั้งจอมพิฆาตประตู เพลย์เมคเกอร์เปิดเกมรุก รวมทั้งเป็นจอมตัดเกมในยามจำเป็น แถมสามารถทำเกมอย่างรวดเร็วได้ด้วยตัวเอง แต่จุดบอดของเขาคือการเล่นลูกโด่ง ซึ่งเป็นข้อจำกัดในเรื่องของส่วนสูงของเขานั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเมสซี่ยิงให้บาเซโลนาแล้วกว่า 200 ประตู คว้าแชมป์สโมสรยุโรป 3 ครั้ง แชมป์ลาลีกา 5 ครั้ง ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมบัลลงดอร์ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ตรงข้ามกับผลงานทีมชาติที่ทำได้เพียง 19 ประตูจากการลงเล่น 66 นัด และยังไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันรายการใหญ่ ๆ ในนามทีมชาติได้เลย ซึ่งเราคงต้องติดตามผลงานของเขากันต่อไป
ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ (Franz Beckenbauer)

ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ (Franz Beckenbauer)
ยอดนักฟุตบอลชาวเยอรมันผู้ได้รับฉายาว่า “จักรพรรดิ” ด้วยลีลาการเล่นฟุตบอลที่เป็นพื้นฐานให้นักฟุตบอลรุ่นใหม่ เบ็คเคนบาวเออร์เป็นนักฟุตบอลที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง แต่เป็นที่จดจำในตำแหน่งสวีปเปอร์หรือตัวตัดเกม และสามารถนำพาทีมชาติเยอรมันตะวันตกเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกทั้งในฐานะกัปตันทีมเมื่อปี 1974 และในฐานะผู้จัดการทีมเมื่อปี 1990 และได้ถ้วยสโมสรยุโรปถึง 3 ครั้งกับบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งยังไม่มีใครทำได้จนถึงปัจจุบัน
ในปี 1999 ที่มีการเลือกนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษเบ็คเคนบาวเออร์ ได้อันดับ 3 ไปครองเป็นรองแค่ เปเล่ และ โยฮัน ครัฟฟ ทั้งนี้ ในปัจจุบันเขาทำงานเป็นกูรูในวงการฟุตบอลประจำรายการโทรทัศน์เยอรมัน บรรณาธิการเขียนคอลัมน์ฟุตบอล และยังเป็นผู้มีส่วนผลักดันให้ประเทศเยอรมันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2006 ด้วย
ดิเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona)

ดิเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona)
เสือเตี้ยผู้ยิ่งใหญ่ชาวอาร์เจนตินา ผู้มีลีลาการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าซ้ายอันยอดเยี่ยม และลีลายียวนกวนประสาทที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการนำทีมชาติอาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้วในปี 1986
มาราโดน่าเริ่มต้นวงการฟุตบอลอาชีพเมื่ออายุ 15 และเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่ออายุ 17 แต่ยังไม่ได้แชมป์ในทันทีในปี 1982 หลังจากนั้น มาราโดน่าก็ย้ายจากสโมสรโบคา จูเนียร์ สู่ บาร์เซโลนา ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสูงสุดในตอนนั้นจำนวน 5 ล้านปอนด์ อีกทั้งยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ต่าง ๆ มากมาย ก่อนจะย้ายไปสโมสรนาโปลี ในลีคอิตาลีด้วยค่าตัวที่สร้างสถิติใหม่อีกครั้งที่ 6.7 ล้านปอนด์ หลังจากนั้น มาราโดน่าก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและความเครียด จนต้องระเห็จออกจากสโมสรไป ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่ที่โบคา จูเนียร์
สำหรับผลงานกับทีมชาตินั้นยิ่งใหญ่และอื้อฉาวพอกัน ซึ่งเหตุการณ์ที่เป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดคือ ตอนฟุตบอลโลกปี 1986 ที่มาราโดน่าเป็นกัปตันทีม เขาพาลูกทีมไปถึงรอบสุดท้ายและทำประตูแรกด้วยมือในแมทช์ที่ปะทะกับทีมชาติอังกฤษ จนเป็นที่มาของฉายา “Hand of God” และยังเป็นผู้ย้ำชัยลูกที่ 2 ด้วยตัวเองจากการครองบอลกว่าครึ่งสนามก่อนจะหลอกผู้รักษาประตูจนหัวทิ่มแล้วซัดตุงตาข่าย โดยผลงานชิ้นนี้ถูกเลือกให้เป็นการปิดสกอร์ที่ดีที่สุดในโลกเมื่อปี 2002
มาราโดน่า ลาวงการด้วยปัญหายาเสพติดในปลายยุค 90 การใช้ชีวิตแบบร็อคสตาร์มากกว่านักกีฬาไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีเท่าไรนัก แต่ด้วยเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าเยี่ยมและรางวัลการันตีมากมาย ฟีฟ่าจึงเลือกให้เป็นผู้เล่นแห่งศตวรรษที่ 20 เคียงคู่กับราชาลูกหนังอย่างเปเล่ ปัจจุบัน มาราโดน่า ยังคงทำงานในวงการฟุตบอลในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งล่าสุดคือสโมสร อัล วาสล์ ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต
เปเล่ (Pele)

ไม่มีใครไม่รู้จัก เปเล่ ยอดนักฟุตบอลชาวบราซิลเบอร์ 10 เปเล่มีชื่อจริงว่า เอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู (Edson Arantes Do Nascimento) มีฉายาที่ยิ่งใหญ่อย่าง O Rei ที่แปลว่า ราชาแห่งฟุตบอลและไข่มุกดำ แห่งทีมชาติบราซิล
เปเล่ เริ่มต้นเข้าสู่วงการฟุตบอลจริงจังเมื่ออายุ 11 ปี โดยอยู่ทีมฟุตบอลสมัครเล่น เมื่ออายุ 15 ปีจึงได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของซานโตส เอฟซียอดสโมสรในบราซิล และเมื่ออายุ 17 ปี เปเล่ ติดทีมชาติและเข้าแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในปี 1958 โดยหลังจากนั้นเขาก็พาบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกอีก 3 ครั้ง ยิงประตูทั้งหมดกว่า 1,282 ลูกจากการลงเล่น 1,363 นัด พร้อมทั้งทำแฮตทริกมากที่สุดในโลกถึง 92 ครั้ง และเป็นผู้เล่นที่มีลีลาพลิ้วไหวจนกลายเป็นภาพที่ติดตาตรึงใจแฟนบอลไปตลอดกาล ถึงแม้ตอนนี้เราจะทำได้เพียงกลับไปดูภาพในอดีต แต่ปัจจุบันเขาก็ยังทำงานการกุศลเกี่ยวกับฟุตบอลอีกมากมาย ไข่มุกดำคนนี้จึงถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของวงการฟุตบอลในรอบร้อยปีเลยทีเดียว
ดีเอโก้ คอสต้า
ดีเอโก้ คอสต้า (กองหน้า, แอตเลติโก มาดริด / สเปน) คอสต้า ได้รับความสนใจอย่างมากตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการตัดสินใจเรื่องรับใช้ชาติ ซึ่งในที่สุดเจ้าตัวก็เลือกหันหลังให้ บราซิล ชาติบ้านเกิด เพื่อมาเล่นให้ สเปน แทน และก็แน่นอนว่า เวิลด์ คัพ บนดินแดนแซมบ้าครั้งนี้ จะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีความหมายสำหรับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก
จากการที่ โรเบร์โต้ โซลดาโด้ และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ต่างหาฟอร์มเก่งเดิมๆ ไม่เจอ ทำให้ คอสต้า กลายเป็นความหวังเบอร์ 1 ในแนวรุกของทัพ "กระทิงดุ" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้เจ้าตัวเพิ่งมีโอกาสลงเล่นให้ทีมแค่นัดเดียว แต่ด้วยสถิติกระหน่ำ 35 ตุง จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 46 นัดในซีซั่นนี้ สามารถช่วยการันตีความยอดเยี่ยมของเขาได้เป็นอย่างดี
จากการที่ โรเบร์โต้ โซลดาโด้ และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ต่างหาฟอร์มเก่งเดิมๆ ไม่เจอ ทำให้ คอสต้า กลายเป็นความหวังเบอร์ 1 ในแนวรุกของทัพ "กระทิงดุ" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้เจ้าตัวเพิ่งมีโอกาสลงเล่นให้ทีมแค่นัดเดียว แต่ด้วยสถิติกระหน่ำ 35 ตุง จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 46 นัดในซีซั่นนี้ สามารถช่วยการันตีความยอดเยี่ยมของเขาได้เป็นอย่างดี
หลุยส์ ซัวเรซ
หลุยส์ ซัวเรซ (กองหน้า, ลิเวอร์พูล / อุรุกวัย) ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ซัวเรซ จะต้องเป็นหนึ่งในบรรดานักเตะที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษในศึก เวิลด์ คัพ หนนี้ หลังจากที่เจ้าตัวทำผลงานได้สุดยอดตลอดซีซั่น 2013/14 กับ ลิเวอร์พูล และที่สำคัญในรอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้นั้น ไม่มีใครทำประตูได้มากกว่าสตาร์ "หงส์แดง" อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น กอนซาโล่ อิกวาอิน, ราดาเมล ฟัลเกา หรือแม้กระทั่ง ลิโอเนล เมสซี่
ณ ตอนนี้ ซัวเรซ ได้รับการยกย่องให้เป็นแข้งเบอร์ 3 ของโลก ต่อจาก เมสซี่ กับ โรนัลโด้ เขาทุ่มเทเต็มร้อยทุกครั้งยามรับใช้ต้นสังกัด และมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องรับใช้ชาติสู้ศึกใหญ่ครั้งนี้ที่ บราซิล
ณ ตอนนี้ ซัวเรซ ได้รับการยกย่องให้เป็นแข้งเบอร์ 3 ของโลก ต่อจาก เมสซี่ กับ โรนัลโด้ เขาทุ่มเทเต็มร้อยทุกครั้งยามรับใช้ต้นสังกัด และมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องรับใช้ชาติสู้ศึกใหญ่ครั้งนี้ที่ บราซิล
มาร์โค รอยส์
มาร์โค รอยส์ (กองกลาง, ดอร์ทมุนด์ / เยอรมนี
นี่ถือเป็นซีซั่นโชว์ออฟของ รอยส์ เลยก็ว่าได้ ถึงแม้ ดอร์ทมุนด์ มีผลงานในลีกไม่ค่อยแจ่มก็ตาม เพราะจนถึงตอนนี้เขาทำประตูได้มากมายถึง 20 ตุง จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 36 นัด แถมยังมีสถิติแอสซิสต์ที่ยอดเยี่ยมด้วย
ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้ รอยส์ ถูกแฟนบอล "อินทรีเหล็ก" คาดหวังไว้สูงสำหรับการไล่ล่าตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่ 4 ซึ่ง โยอัคคิม เลิฟ บุนเดสเทรเนอร์ ก็หวังเช่นกันว่า ดาวเตะหน้าหล่อวัย 24 ปี จะรักษาฟอร์มเก่งแบบนี้ได้จนถึงทัวร์นาเมนต์
นี่ถือเป็นซีซั่นโชว์ออฟของ รอยส์ เลยก็ว่าได้ ถึงแม้ ดอร์ทมุนด์ มีผลงานในลีกไม่ค่อยแจ่มก็ตาม เพราะจนถึงตอนนี้เขาทำประตูได้มากมายถึง 20 ตุง จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 36 นัด แถมยังมีสถิติแอสซิสต์ที่ยอดเยี่ยมด้วย
ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้ รอยส์ ถูกแฟนบอล "อินทรีเหล็ก" คาดหวังไว้สูงสำหรับการไล่ล่าตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่ 4 ซึ่ง โยอัคคิม เลิฟ บุนเดสเทรเนอร์ ก็หวังเช่นกันว่า ดาวเตะหน้าหล่อวัย 24 ปี จะรักษาฟอร์มเก่งแบบนี้ได้จนถึงทัวร์นาเมนต์
ริโอ เฟอร์ดินานด์

ริโอ เฟอร์ดินานด์
จาก ลีดส์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) ค่าตัว 46 ล้านยูโร (1,840 ล้านบาท) ปี 2001
หลายๆ คนอาจจะทักท้วงว่า ริโอ น่าจะมีค่าตัวเพียงแค่ 29.1 ล้านปอนด์ (1,455 ล้านบาท) เท่านั้น แต่ไหงขยับขึ้นไปสูงถึงเพียงนั้นได้แต่ก็อย่างที่บอกกันไว้ข้างต้นนั่นแหละครับว่าเพราะค่าเงินเมื่อ 11 ปีก่อนนั้น เงินปอนด์แข็งค่ามากเกือบ 60-65 บาทไทยเสียด้วยซ้ำ จนส่งผลให้พอปรับค่าเงินให้เป็นปัจจุบัน มันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น ส่วนเกียรติประวัติของเจ้าตัวไล่ย่อๆ คงได้ประมาณนี้ครับ
5 แชมป์พรีเมียร์ลีก, 1 เอฟเอ คัพ, 2 ลีก คัพ, 1 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ 1 แชมป์สโมสรโลก และแม้ว่าปัจจุบันจะลดบทบาทในทีม "ผีแดง" ลงไป แต่ก็ยังคงเป็นแข้งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือเลือดสกอตมอบความไว้วางใจให้อยู่เสมอ
ติอาโก้ ซิลวา

ติอาโก้ ซิลวา
จาก เอซี มิลาน (อิตาลี) ไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) ค่าตัว 42 ล้านยูโร (1,680 ล้านบาท) ปี 2012
แม้จะเคยหล่นวาทะว่าต้องการค้าแข้งกับ มิลาน จนกลายเป็นตำนานของทีมเฉกเช่น เนสต้า แต่ที่สุดแล้วอดีตดาวเตะฟูมิเนนเซ่ก็ต้องย้ายสำมะโนครัวไปยังแดนน้ำหอมจนได้เนื่องจากสภาพการเงินของทีมที่ง่อนแง่นมาเป็นเวลานาน รวมถึงการรับเงินก้อนโตจากต้นสังกัดใหม่อีกด้วย โดยผลงานที่ฝากไว้ให้กับสาวก "รอสโซเนรี่" มีเพียงแชมป์สคูเด็ตโต้เมื่อปี 2010-11 เท่านั้น
ดานี่ อัลเวส

ดานี่ อัลเวส
จาก เซบีย่า (สเปน) ไป บาร์เซโลน่า (สเปน) ค่าตัว 35.5 ล้านยูโร (1,420 ล้านบาท) ปี 2008
เป็นผู้เล่นรายแรกๆ ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้ามาร่วมทีม ก่อนจะเดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับแคว้นกาตาลันด้วยการคว้าแชมป์ 14 จาก 18 รายการตลอดช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งได้แก่ 3 แชมป์ลา ลีกา, 2 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, 2 โกปา เดล เรย์, 2 สโมสรโลก เป็นต้น
ฟาบิโอ โคเอนเทรา

จาก เบนฟิก้า (โปรตุเกส) ไป เรอัล มาดริด (สเปน) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,200 ล้านบาท) ปี 2011
ได้รับการจับตามองจากผลงานขึ้นเกมบุกให้กับทีมชาติโปรตุเกสในศึกเวิลด์คัพ 2010 จน มูรินโญ่ ต้องแทงเรื่องให้กับ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรให้คว้าวิงแบ็กรายนี้มาร่วมทัพให้ได้กระนั้นเขาก็ยังต้องนั่งสำรองไปก่อนในช่วงแรก ก่อนที่จะถูกใช้งานบ่อยขึ้นในเวลาที่ทีมต้องเล่นเกมรับมากเป็นพิเศษ รวมถึงหน้าที่ในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ โคเอนเทรา ก็รับผิดชอบได้ดีไม่แพ้กัน
เปเป้

5.เปเป้
จาก ปอร์โต้ (โปรตุเกส) ไป เรอัล มาดริด (สเปน) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,200 ล้านบาท) ปี 2007)
ย้ายมาด้วยความคาดหวังสูงไม่น้อยในการแก้ไขแนวรับที่รั่วเหมือนหลังคาสังกะสีตอนหน้าฝนซึ่งเป็นแผลเรื้อรังของ "ราชันชุดขาว" มาตลอด แต่กลายเป็นว่าความดิบเถื่อนที่ไปไล่เตะ ฆาเบียร์ กาสเกโร่ ของ เกตาเฟ่ ทั้งที่คู่แข่งกลิ้งคะมำไปแล้วจนส่งผลให้โดนแบนยาวถึง 10 เกม ตามด้วยการเจ็บเอ็นร้อยหวายที่ส่งผลให้หลุดจากทัพ "ฝอยทอง" ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก จนหลายๆ เสียงบ่นให้ขายเขาทิ้งไป
แต่หลังการมาของ "สเปเชี่ยล วัน" ก็เหมือนว่า เปเป้ กลับมาเล่นได้อย่างมั่นใจและไม่เกเรเหมือนเก่า ก่อนที่จะนำมาซึ่งแชมป์ลีกาในซีซั่นที่ผ่านมานั่นเอง
อเลสซานโดร เนสต้า

6.อเลสซานโดร เนสต้า
จาก ลาซิโอ (อิตาลี) ไป เอซี มิลาน (อิตาลี) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,200 ล้านบาท) ปี 2002
เพิ่งจะยุติตำนาน 10 ปีในรั้ว "รอสโซเนรี่" ไปหมาดๆ ด้วยการย้ายไป มอนทรีอัล อิมแพ็ค ในอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้ แต่ความสำเร็จต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าวทำให้กองเชียร์ "ปีศาจแดง-ดำ" ไม่น้อยที่อยากเห็น เนสต้า แขวนสตั๊ดในถิ่นซาน ซิโร่ความสำเร็จ - 2 แชมป์สคูเด็ตโต้, 1 โคปปา อิตาเลีย, 2 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ 1 แชมป์สโมสรโลก
ลิลิยง ตูราม

7. ลิลิยง ตูราม
จาก ปาร์ม่า (อิตาลี) ไป ยูเวนตุส (อิตาลี) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (1,200 ล้านบาท) ปี 2001
ภายหลังที่ "ไอ้ม้าลาย" ปล่อย ซีเนดีน ซีดาน จอมทัพเลือดน้ำหอม ให้กับ เรอัล มาดริดด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติโลกในตอนนั้นที่ 73.5 ล้านยูโร (2,940 ล้านบาท) ในปีนั้น พวกเขาก็ได้ ตูราม มาขันแนวรับซึ่ง "ตูตู้" ก็ตอบแทนค่าตัวแบบทวีคูณด้วยการนำต้นสังกัดครองแชมป์สคูเด็ตโต้ถึง 4 ครั้งจาก 5 ปีก่อนจะย้ายไป บาร์เซโลน่า เลยทีเดียว
โจลีออน เลสค็อตต์

โจลีออน เลสค็อตต์
จาก เอฟเวอร์ตัน (อังกฤษ) ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) ค่าตัว 27.5 ล้านยูโร (1,100 ล้านบาท) ปี 2009
ย้ายไปตีสนิทกับม้านั่งสำรองของ "เรือใบสีฟ้า" เกือบๆ ปี จนกระทั่ง โคโล่ ตูเร่ มีปัญหาเรื่องตรวจโด๊ปจึงทำให้เจ้าหน้าบากได้โชว์ฝีเท้าก่อนที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงเป็นการถาวรมานับตั้งแต่นั้นและก็เป็นกำลังสำคัญในการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 44 ปีในซีซั่นที่ผ่านมา
ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่

ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่
จาก ปอร์โต้ (โปรตุเกส) ไป เชลซี (อังกฤษ) ค่าตัว 27 ล้านยูโร (1,080 ล้านบาท) ปี 2004
นับเป็นผู้เล่นยุคแรกๆ ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือเลือดฝอยทอง คว้าตัวมาร่วมอาณาจักรความยิ่งใหญ่ที่รั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งเจ้าตัวก็คุมแนวรับได้อย่างแข็งแกร่งก่อนที่จะทำสถิติเสียประตูไปแค่ 15 ลูกเท่านั้นในปีแรก และเดินหน้าเก็บเหรียญแชมป์ไม่มีเบื่อตลอด 6 ปีก่อนย้ายไป เรอัล มาดริด ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ อย่างละ 3 ครั้งและคาร์ลิ่ง คัพ 2 หน
รวมถึงการปรากฏตัวในนัดชิงชปล.แต่พลาดท่าให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอย่างน่าเสียดาย
ดาวิด ลุยซ์

ดาวิด ลุยซ์
จาก เบนฟิก้า (โปรตุเกส) ไป เชลซี (อังกฤษ) ค่าตัว 25 ล้านยูโร (1,000 ล้านบาท) ปี 2011
ย้ายมาช่วงต้นปีทำให้ต้องเสียเวลาปรับตัวไปไม่น้อย แต่ก็สร้างความประทับใจให้กับกองเชียร์ "สิงห์บลูส์" ได้ทันที เมื่อซัดประตู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะมาซัดจุดโทษแซงชนะ 2-1 ได้สำเร็จในเดือนมี.ค.แม้ปีนั้นจะไม่ได้แชมป์ก็ตาม แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่ชอบเล่นเกมบุกทั้งที่เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอีกทั้งทรงผมที่ฟูฟ่อง จึงกลายเป็นที่รักของแฟนๆ ทันที
ล่าสุดก็ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ "สิงโตคำราม" ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ทีมชนะจุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่แดนไส้กรอกอีกด้วย
ปีเตอร์ ชไมเคิล
ปีเตอร์ ชไมเคิล เป็นนักฟุตบอลชาวเดนมาร์กเชื้อสายโปลิช (จากชื่อกลางและนามสกุลของเขา) และเป็นผู้รักษาประตูระดับตำนานของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเนื่องจากเขาได้พาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ในปี ค.ศ. 1999 ปัจจุบันได้แขวนสตั๊ดแล้ว เขาเคยได้รับการโหวตเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก เมื่อปี พ.ศ. 2535 และ พ.ศ. 2536 เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญของทีมชาติเดนมาร์คชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 1992
โอลิเวอร์ คาห์น
โอลิเวอร์ คาห์น คาห์น เริ่มต้นการค้าแข้งอาชีพกับคาร์ลสรูห์ ซึ่งเป็นทีมในบ้านเกิดเมื่อปี 1987 ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีม “เสือใต้” เมื่อปี 1994 และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของวงการฟุตบอลเยอรมัน เมื่อคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าได้ถึง 8 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 6 สมัย, ยูฟ่า คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และอินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ อย่างละสมัย นอกจากนั้น ยังคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของยุโรป 4 ปีติดต่อกันด้วย หลังจากที่ใช้เวลาในการเป็นตัวสำรองอยู่ 3 ปีที่คาร์ลสรูห์ คาห์น ก็ได้รับโอกาสให้ลงเป็น 11 ตัวจริง
จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน เกิดวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1978 เป็นผู้รักษาประตูตัวเลือกแรกในทีมชาติอิตาลีและสโมสรฟุตบอลยูเวนตุส ในอตีดเคยเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลปาร์มา ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมยูเวนตุสในปี ค.ศ. 2001 ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ บุฟฟอน หรือ “จีจี้” ที่คุ้นเคยกันดีในแดนมะกะโรนี คือกุญแจสำคัญที่ทำให้อิตาลีผงาดคว้าแชมป์โลก 2006 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และนั่นก็ทำให้เขาก็ได้รับการยกย่องให้เป็นนายทวารหมายเลข 1 ของโลกในเวลานี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
cech
ปีเตอร์ เช็ค เป็นนักฟุตบอลชาวสาธารณรัฐเช็ก ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเชลซีในพรีเมียร์ลีก เช็ค เป็นลูกชายของนักกีฬาทศกรีฑาระดับทีมชาติ สมัยเด็ก ๆ เขาต้องเปลี่ยนใจหันมาเล่นฟุตบอลเพราะอุปกรณ์ฮอกกี้ซึ่งเป็นกีฬาที่เขาชอบนั้นมีราคาแพงเกินไป ด้วยความสูงของเขาจึงถูกเพื่อน ๆ ให้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งเขาก็สามารถทำได้ดี ปัจจุบันเปเตอร์ เช็กสูง 7 ฟุต
วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ลีโอเนล เมสซี่

ลีโอเนล เมสซี่ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน 1987 ขณะอายุ 5 ขวบเค้าก็หัดเล่นฟุตบอล ในปี 1995 เมสซี่ได้เข้าสังกัด นีเวลล์ โอลด์ บอย ตอนนั้นเขาอายุ 11 ปี แต่เมสซี่มีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของฮอร์โมนทำให้เขาตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก ขณะนั้น คาเรส เรซัคส์ สปอร์ตไดเรกเตอร์ของบาร์เซโลน่าก็ได้เห็นแววเจ้าหนูคนนี้ จึงยื่นข้อเสนอที่จะเซ็นสัญญาให้กับเค้า พร้อมกับจ่ายค่ายาในการรักษาตัวด้วย ถ้าเมสซี่ตกลงจะย้ายมาใช้ชีวิตใหม่ในสเปนกับบาร์ซ่า ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวเมสซี่จึงย้ายไปอยู่ในสเปนกัน -ในปี 2006-07 เมสซี่โชว์ฟอร์มสุดยอดอย่างสม่ำเสมอ
เมสซี่ ก็ฉายแววอัจศริยะลูกหนังในเกมพบกับ รีลมาริดคู่ปรับตลอดกาล ซึ่งเมสซี่ก็ได้ระเบิดฟอร์มซัดแฮตทริกแรกสำเร็จ แต่ในฤดูกาลนี้เค้าไม่สามารถช่วยบาร์ซ่าค้าแชมป์ ลาลีกา ได้ ดันแพ้ มาดริดไปแบบเฉียดเส้นยาแดงด้วยกฎเฮด ทูเฮด เมสซี่ซึ่งนอกจากมีรูปร่างและสไตล์การเล่นใกล้เคียงกับ มาราโดน่า 1ในตำนานของอาเจนติน่าแล้ว เค้ายังสามารถตอกย้ำสิ่งที่เหมือนเข้าไปใหญ่คือการเลี้ยงหลบผู้เล่น 6 คน(รวมโกลด้วย)ของเคตาเฟ่ เข้าไปยิงประตู อีกทั้งในนัดเจอเอสปันญ่อล เค้ายังสามารถทำประตูแบบ Hand of god ที่มาราโดน่าทำได้อีกด้วย
เมสซี่ถนัดซ้าย แต่ไรจ์การ์ดให้เค้าเล่นปีกขวา แต่เจ้าหนูก็ยังเล่นได้อย่างเนียนมาก จนกลายเป็นตำแหน่งถนัดของเขาไปเลย ต้องบอกได้เลยว่าใครที่เกิดมาดูเมสซี่ ทันนั้นมีบุญจริงๆ จนแฟนบอลชาวไทยต่างยกย่องให้เขาเป็น “มนุษย์ต่างดาว” ไปเรียบร้อยแล้ว

ลีโอเนล เมสซี่ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน 1987 ขณะอายุ 5 ขวบเค้าก็หัดเล่นฟุตบอล ในปี 1995 เมสซี่ได้เข้าสังกัด นีเวลล์ โอลด์ บอย ตอนนั้นเขาอายุ 11 ปี แต่เมสซี่มีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของฮอร์โมนทำให้เขาตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก ขณะนั้น คาเรส เรซัคส์ สปอร์ตไดเรกเตอร์ของบาร์เซโลน่าก็ได้เห็นแววเจ้าหนูคนนี้ จึงยื่นข้อเสนอที่จะเซ็นสัญญาให้กับเค้า พร้อมกับจ่ายค่ายาในการรักษาตัวด้วย ถ้าเมสซี่ตกลงจะย้ายมาใช้ชีวิตใหม่ในสเปนกับบาร์ซ่า ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวเมสซี่จึงย้ายไปอยู่ในสเปนกัน -ในปี 2006-07 เมสซี่โชว์ฟอร์มสุดยอดอย่างสม่ำเสมอ
เมสซี่ ก็ฉายแววอัจศริยะลูกหนังในเกมพบกับ รีลมาริดคู่ปรับตลอดกาล ซึ่งเมสซี่ก็ได้ระเบิดฟอร์มซัดแฮตทริกแรกสำเร็จ แต่ในฤดูกาลนี้เค้าไม่สามารถช่วยบาร์ซ่าค้าแชมป์ ลาลีกา ได้ ดันแพ้ มาดริดไปแบบเฉียดเส้นยาแดงด้วยกฎเฮด ทูเฮด เมสซี่ซึ่งนอกจากมีรูปร่างและสไตล์การเล่นใกล้เคียงกับ มาราโดน่า 1ในตำนานของอาเจนติน่าแล้ว เค้ายังสามารถตอกย้ำสิ่งที่เหมือนเข้าไปใหญ่คือการเลี้ยงหลบผู้เล่น 6 คน(รวมโกลด้วย)ของเคตาเฟ่ เข้าไปยิงประตู อีกทั้งในนัดเจอเอสปันญ่อล เค้ายังสามารถทำประตูแบบ Hand of god ที่มาราโดน่าทำได้อีกด้วย
เมสซี่ถนัดซ้าย แต่ไรจ์การ์ดให้เค้าเล่นปีกขวา แต่เจ้าหนูก็ยังเล่นได้อย่างเนียนมาก จนกลายเป็นตำแหน่งถนัดของเขาไปเลย ต้องบอกได้เลยว่าใครที่เกิดมาดูเมสซี่ ทันนั้นมีบุญจริงๆ จนแฟนบอลชาวไทยต่างยกย่องให้เขาเป็น “มนุษย์ต่างดาว” ไปเรียบร้อยแล้ว
คริสเตียโน โรนัลโด

ชื่อเต็มว่า คริสเตียโน โดช ซันโตส อาไวโร เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส เขาย้ายสโมสรด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในลาลีก้า คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายชูเซ ดีนิช อาไวโร (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมาเรีย ดูโลริช อาไวโร เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์
โรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง การเลี้ยงบอลที่รวดเร็วแข็งแกร่งบวกกับลูกยิงที่ทรงพลัง แถมยังมีลูกฟรีคิดที่หนักน่วง ต้องบอกได้เลยว่าเป็นนักฟุตบอลที่ครบเครื่องที่สุดเท่าที่โลกมนุษย์เคยมีมาก็ได้ และด้วยผลงานการทำประตูในฤดูกาลนี้ให้กับ เรอัล มาดริด ก็บอกได้แล้วว่า 80 ล้านปอนด์ที่เสียไปคุ้มค่าจริงๆ

ชื่อเต็มว่า คริสเตียโน โดช ซันโตส อาไวโร เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส เขาย้ายสโมสรด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในลาลีก้า คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายชูเซ ดีนิช อาไวโร (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมาเรีย ดูโลริช อาไวโร เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์
โรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง การเลี้ยงบอลที่รวดเร็วแข็งแกร่งบวกกับลูกยิงที่ทรงพลัง แถมยังมีลูกฟรีคิดที่หนักน่วง ต้องบอกได้เลยว่าเป็นนักฟุตบอลที่ครบเครื่องที่สุดเท่าที่โลกมนุษย์เคยมีมาก็ได้ และด้วยผลงานการทำประตูในฤดูกาลนี้ให้กับ เรอัล มาดริด ก็บอกได้แล้วว่า 80 ล้านปอนด์ที่เสียไปคุ้มค่าจริงๆ
ซาบี เฮอร์นานเดซ

ชาเบียร์ เอร์นันเดซ อี เกรอุส หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชาบี เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันเล่นตำแหน่งกองกลางตัวกลางให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในลาลีกา ชาบีได้รับตำแหน่งผู้เล่นแห่งเกมในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2009 ที่เขาทำให้ทีมบาร์เซโลนาชนะสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจนเป็นแชมป์ เขายังได้เป็นผู้เล่นแห่งทัวร์นาเมนต์โดยยูฟ่า ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 เขาเข้าการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติสเปน 93 ครั้ง เขายังมักถูกอ้างว่าเป็น 1 ในกองกลางที่ดีที่สุดที่ยังเล่นอยู่
ซาบี จ่ายบอลได้เปรียบเสมอ เสียบอลยากมีการครองบอลที่ดีเยี่ยม แล้วในหนึ่งเกมสถิติบอกไว้ว่า ซาบี จ่ายบอล 100 ครั้งจะเสียเพียง 4 ถึง 5 ครั้งเท่านั้น ซาบี สามารถจ่ายบอลได้ดีทั้งลูกเลียดและลูกโยน แต่ที่เป็นเครื่องหมายการเลยก็คือ ลูกจ่าย “คิลเลอร์ พาส”

ชาเบียร์ เอร์นันเดซ อี เกรอุส หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชาบี เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันเล่นตำแหน่งกองกลางตัวกลางให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในลาลีกา ชาบีได้รับตำแหน่งผู้เล่นแห่งเกมในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2009 ที่เขาทำให้ทีมบาร์เซโลนาชนะสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจนเป็นแชมป์ เขายังได้เป็นผู้เล่นแห่งทัวร์นาเมนต์โดยยูฟ่า ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 เขาเข้าการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติสเปน 93 ครั้ง เขายังมักถูกอ้างว่าเป็น 1 ในกองกลางที่ดีที่สุดที่ยังเล่นอยู่
ซาบี จ่ายบอลได้เปรียบเสมอ เสียบอลยากมีการครองบอลที่ดีเยี่ยม แล้วในหนึ่งเกมสถิติบอกไว้ว่า ซาบี จ่ายบอล 100 ครั้งจะเสียเพียง 4 ถึง 5 ครั้งเท่านั้น ซาบี สามารถจ่ายบอลได้ดีทั้งลูกเลียดและลูกโยน แต่ที่เป็นเครื่องหมายการเลยก็คือ ลูกจ่าย “คิลเลอร์ พาส”
อันเดรส อีเนียสตา

อันเดรส อีเนียสตา เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1984 เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน เป็นกองกลางของทีมชาติสเปนในชุดชนะการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ปัจจุบันเขาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในลาลีกา ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 นัดชิงชนะเลิศ เขาทำประตูให้กับฟุตบอลทีมชาติสเปน ในนาทีที่ 116 ในการแข่งขันกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ นับเป็นประตูสุดท้ายในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และทำให้เขาเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งนัด (Man of the Match) ของเกมนี้
อีเนียสตา เป็นกองระดับโลกอีกคนหนึ่งที่มีการเล่นที่ยอดเยี่ยมเรื่องการจ่าย เขาจะรู้เสมอว่า เมสซี่จะวิ่งไปทาง ต้องจ่ายบอลอย่างไรถึงเพื่อนจะได้เปรียบ อีเนียสตา เป็นเหมือนนักเตะที่ปิดทองหลังพระให้กับบาร์เซโลน่า เขาคือหูคนสำคัญของซาบี อีกด้วย

อันเดรส อีเนียสตา เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1984 เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน เป็นกองกลางของทีมชาติสเปนในชุดชนะการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ปัจจุบันเขาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในลาลีกา ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 นัดชิงชนะเลิศ เขาทำประตูให้กับฟุตบอลทีมชาติสเปน ในนาทีที่ 116 ในการแข่งขันกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ นับเป็นประตูสุดท้ายในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และทำให้เขาเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งนัด (Man of the Match) ของเกมนี้
อีเนียสตา เป็นกองระดับโลกอีกคนหนึ่งที่มีการเล่นที่ยอดเยี่ยมเรื่องการจ่าย เขาจะรู้เสมอว่า เมสซี่จะวิ่งไปทาง ต้องจ่ายบอลอย่างไรถึงเพื่อนจะได้เปรียบ อีเนียสตา เป็นเหมือนนักเตะที่ปิดทองหลังพระให้กับบาร์เซโลน่า เขาคือหูคนสำคัญของซาบี อีกด้วย
ซามูเอล เอโต้

เอโต้ เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีม เรอัล มาดริด ในฐานะนักฟุตบอลฝึกหัดในทีมชุด บี ซึ่งเล่นอยู่ในระดับเซกุนด้า บี ซึ่งไม่อนุญาตให้นักเตะนอกอียูลงทำการแข่งขัน บวกกับด้วยความที่อายุของเอโต้ยังน้อยมากได้ ส่งผลให้ เรอัล มาดริด จึงปล่อยตัวเขาให้ยืมตัวไปหาประสบการณ์ หลายต่อหลายทีม
แต่ทีมสร้างชื่อและทำให้เขา เป็นกองหน้าระดับโลกได้ในเพียงไม่กี่ฤดูกาล ก็คือ บาร์เซโลน่า เอโต้มีความเร็ว วิ่งไม่มีหมด บวกกับความแน่นอนในการทำประตู เอโต้ ขอเพียงแค่การยิงไม่กี่ครั้งก็เป็นประตู เอโต้ สามารถขยับออกไปเล่นริมเส้นได้ และหน้าเป้า ซึ่งสองตำแหน่งนี้ เอโต้ ก็ทำได้อย่างไร้ที่ติ

เอโต้ เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีม เรอัล มาดริด ในฐานะนักฟุตบอลฝึกหัดในทีมชุด บี ซึ่งเล่นอยู่ในระดับเซกุนด้า บี ซึ่งไม่อนุญาตให้นักเตะนอกอียูลงทำการแข่งขัน บวกกับด้วยความที่อายุของเอโต้ยังน้อยมากได้ ส่งผลให้ เรอัล มาดริด จึงปล่อยตัวเขาให้ยืมตัวไปหาประสบการณ์ หลายต่อหลายทีม
แต่ทีมสร้างชื่อและทำให้เขา เป็นกองหน้าระดับโลกได้ในเพียงไม่กี่ฤดูกาล ก็คือ บาร์เซโลน่า เอโต้มีความเร็ว วิ่งไม่มีหมด บวกกับความแน่นอนในการทำประตู เอโต้ ขอเพียงแค่การยิงไม่กี่ครั้งก็เป็นประตู เอโต้ สามารถขยับออกไปเล่นริมเส้นได้ และหน้าเป้า ซึ่งสองตำแหน่งนี้ เอโต้ ก็ทำได้อย่างไร้ที่ติ
กาก้า

ดาวเตะรูปหล่อรายนี้ด้วย กาก้า ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี 2006จากบรรดาสื่อมวลชน โดยมีการทำโพลของ “โอ โกลโบ” นิตยสารในบราซิล ในหัวข้อที่ว่า “ใครคือผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก” ซึ่งจากผลสำรวจปรากฏว่า กาก้า ได้รับการโหวตถึง 81.5เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่2นั้นเป็น โรนัลดินโญ่ ทีได้ 11เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าในช่วงหลังมานี้ฟอร์มการเล่นจะตกลงไปเยอะ แต่เป็นในช่วงพีค ก็คงจะหยุดเขาอยาก จนทำให้ชาวไทยถึงกับต้องมีเพลงเชิดชูกาก้ากันเลย เชื่อว่าเด็กผีในมืองไทยคงจำกันได้ดี

ดาวเตะรูปหล่อรายนี้ด้วย กาก้า ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี 2006จากบรรดาสื่อมวลชน โดยมีการทำโพลของ “โอ โกลโบ” นิตยสารในบราซิล ในหัวข้อที่ว่า “ใครคือผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก” ซึ่งจากผลสำรวจปรากฏว่า กาก้า ได้รับการโหวตถึง 81.5เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่2นั้นเป็น โรนัลดินโญ่ ทีได้ 11เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าในช่วงหลังมานี้ฟอร์มการเล่นจะตกลงไปเยอะ แต่เป็นในช่วงพีค ก็คงจะหยุดเขาอยาก จนทำให้ชาวไทยถึงกับต้องมีเพลงเชิดชูกาก้ากันเลย เชื่อว่าเด็กผีในมืองไทยคงจำกันได้ดี
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

เป็นกองหน้าฝีเท้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของยุโรป ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน สโมสรดังจากอิตาลี เกิดวันที่ ฟังชื่ออาจดูไม่เหมือนคนทางฝั่งยุโรป เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเป็นชาวบอสเนียที่อพยพมาอยู่ในประเทศสวีเดน แต่ทว่า ซลาตัน ก็เกิดและเติบโตในย่านใกล้กับเมือง มัลโม้ นั่นคือ โรเซนการ์ด ซึ่งส่วนใหญ่จะที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ
ซลาตัน มีทั้งความเฉียบคมและแข็งแกร่งแบบเหลือเชื่อ บวกกับทักษะที่น่ายกย่องเพราะ ซลาตัน มีรูปร่างที่ใหญ่แต่สามารถเล่นบอลคอลโทรลได้ดีเหมื่อนนักเตะรูปร่างเล็ก และไม่ว่าเขาจะเล่นในห้กับทีมใดก็ตามจะต้องมีแชมป์ลีก กับทุกสโมสรอีกด้วย

เป็นกองหน้าฝีเท้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของยุโรป ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน สโมสรดังจากอิตาลี เกิดวันที่ ฟังชื่ออาจดูไม่เหมือนคนทางฝั่งยุโรป เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเป็นชาวบอสเนียที่อพยพมาอยู่ในประเทศสวีเดน แต่ทว่า ซลาตัน ก็เกิดและเติบโตในย่านใกล้กับเมือง มัลโม้ นั่นคือ โรเซนการ์ด ซึ่งส่วนใหญ่จะที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ
ซลาตัน มีทั้งความเฉียบคมและแข็งแกร่งแบบเหลือเชื่อ บวกกับทักษะที่น่ายกย่องเพราะ ซลาตัน มีรูปร่างที่ใหญ่แต่สามารถเล่นบอลคอลโทรลได้ดีเหมื่อนนักเตะรูปร่างเล็ก และไม่ว่าเขาจะเล่นในห้กับทีมใดก็ตามจะต้องมีแชมป์ลีก กับทุกสโมสรอีกด้วย
เวย์น รูนี่ย์

“เปเล่ขาวของชาวอังกฤษ” เวย์น รูนี่ย์ มีชื่อเต็มว่า เวย์น มาร์ค รูนี่ย์ เข้าร่วมทีมเยาวชนของเอฟเวอร์ตัน ด้วยฝีเท้าที่ฉกาจกรรจ์เกินวัย บวกกับพรสวรรค์ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้ รูนี่ย์ เติบโตขึ้นในวงการลูกหนังได้อย่างไม่อยากเย็น โดยตอนที่อายุ 14 ปี เขาก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมเยาวชนชุดไม่เกินอายุ 19 ปี แล้ว และสามารถรับมือกับบรรดานักเตะที่อายุมากกว่าได้สบายๆ ในวัย 16 ปี เขาก็โดน เดวิด มอยส์ กุนซือของเอฟเวอร์ตัน ดึงตัวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่แล้ว และก็แจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีก ด้วยการซัดประตูสุดสวยช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ 2-1 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2002 และประตูชัยของรูนี่ย์ ก็หยุดสถิติไม่พ่ายแพ้มานานถึง 30 นัด ของ อาร์เซน่อล ลงไปได้
รูนี่ย์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่พรสวรรค์สูงที่สุดของอังกฤษ นับตั้งแต่หมด พอล แกสคอยน์ กองกลางอัจฉริยะของพวกเขา แต่กว่า แกซซ่า จะติดทีมชาติก็อายุ 22 ปีแล้ว ขณะที่ รูนี่ย์ เป็นกำลังสำคัญของทีม “สิงโตคำราม” ตั้งแต่อายุ 18 ปี สเวน โกรัน อีริคส์สัน เคยกล่าวยกย่อง รูนี่ย์ ว่าจะกลายเป็นตำนานลูกหนังของโลก เช่นเดียวกับ เปเล่ ของบราซิล โดยที่ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือทีมชาติโปรตุเกส ตอบคำถามนักข่าวที่ถามถึงการเปรียบเทียบกันระหว่าง เปเล่ กับ รูนี่ย์ ว่า “ก็แค่คนหนึ่งผิวดำ ส่วนอีกคนหนึ่งผิวขาว เท่านั้น”

“เปเล่ขาวของชาวอังกฤษ” เวย์น รูนี่ย์ มีชื่อเต็มว่า เวย์น มาร์ค รูนี่ย์ เข้าร่วมทีมเยาวชนของเอฟเวอร์ตัน ด้วยฝีเท้าที่ฉกาจกรรจ์เกินวัย บวกกับพรสวรรค์ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้ รูนี่ย์ เติบโตขึ้นในวงการลูกหนังได้อย่างไม่อยากเย็น โดยตอนที่อายุ 14 ปี เขาก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมเยาวชนชุดไม่เกินอายุ 19 ปี แล้ว และสามารถรับมือกับบรรดานักเตะที่อายุมากกว่าได้สบายๆ ในวัย 16 ปี เขาก็โดน เดวิด มอยส์ กุนซือของเอฟเวอร์ตัน ดึงตัวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่แล้ว และก็แจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีก ด้วยการซัดประตูสุดสวยช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ 2-1 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2002 และประตูชัยของรูนี่ย์ ก็หยุดสถิติไม่พ่ายแพ้มานานถึง 30 นัด ของ อาร์เซน่อล ลงไปได้
รูนี่ย์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่พรสวรรค์สูงที่สุดของอังกฤษ นับตั้งแต่หมด พอล แกสคอยน์ กองกลางอัจฉริยะของพวกเขา แต่กว่า แกซซ่า จะติดทีมชาติก็อายุ 22 ปีแล้ว ขณะที่ รูนี่ย์ เป็นกำลังสำคัญของทีม “สิงโตคำราม” ตั้งแต่อายุ 18 ปี สเวน โกรัน อีริคส์สัน เคยกล่าวยกย่อง รูนี่ย์ ว่าจะกลายเป็นตำนานลูกหนังของโลก เช่นเดียวกับ เปเล่ ของบราซิล โดยที่ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือทีมชาติโปรตุเกส ตอบคำถามนักข่าวที่ถามถึงการเปรียบเทียบกันระหว่าง เปเล่ กับ รูนี่ย์ ว่า “ก็แค่คนหนึ่งผิวดำ ส่วนอีกคนหนึ่งผิวขาว เท่านั้น”
9.ดิดิเยร์ ดร็อกบาร์

ดร็อกบา ระเบิดฟอร์มได้สุดยอดในฤดูกาล 2006-07 เมื่อเหมาคนเดียวถึง 33 ประตูรวมทุกรายการ และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ทำประตูให้เชลซีได้มากที่สุด นับตั้งแต่ที่ เคอร์รี่ ดิ๊กสัน เคยทำได้ และ 20 ประตูที่ทำได้ในลีก ก็ทำให้เขาคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ชิพไปครอง นอกจากนั้น การลงสนามทั้งหมด 60 นัด ยังทำให้เขาเป็นนักเตะที่ลงสนามต่อซีซั่นมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรด้วย
ดร็อกบา ย้ายจาก โอลิมปิก มาร์กเซย มาร่วมทีมเชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ดร็อกบาย้ายจากไอวอรี่โคสต์ มาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในตำแหน่งแบ็กขวา หลังจากที่ได้เล่นให้กับสโมสรเล็กๆ มาแล้วหลายครั้ง ดร็อกบา ก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธข้อเสนอการทดสอบฝีเท้ากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก่อนจะร่วมทีม เลอ ม็องส์ ในดิวิชั่น 2 ของเมืองน้ำหอมก่อนที่จะโด่งดังจนถึงในเวลานี้

ดร็อกบา ระเบิดฟอร์มได้สุดยอดในฤดูกาล 2006-07 เมื่อเหมาคนเดียวถึง 33 ประตูรวมทุกรายการ และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ทำประตูให้เชลซีได้มากที่สุด นับตั้งแต่ที่ เคอร์รี่ ดิ๊กสัน เคยทำได้ และ 20 ประตูที่ทำได้ในลีก ก็ทำให้เขาคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ชิพไปครอง นอกจากนั้น การลงสนามทั้งหมด 60 นัด ยังทำให้เขาเป็นนักเตะที่ลงสนามต่อซีซั่นมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรด้วย
ดร็อกบา ย้ายจาก โอลิมปิก มาร์กเซย มาร่วมทีมเชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ดร็อกบาย้ายจากไอวอรี่โคสต์ มาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในตำแหน่งแบ็กขวา หลังจากที่ได้เล่นให้กับสโมสรเล็กๆ มาแล้วหลายครั้ง ดร็อกบา ก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธข้อเสนอการทดสอบฝีเท้ากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก่อนจะร่วมทีม เลอ ม็องส์ ในดิวิชั่น 2 ของเมืองน้ำหอมก่อนที่จะโด่งดังจนถึงในเวลานี้

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แกเร็ธ แฟรงก์ เบล (อังกฤษ: Gareth Frank Bale) เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1989 ที่คาร์ดิฟฟ์ ในประเทศเวลส์, ประเทศสหราชอาณาจักร เป็นนักฟุตบอล ซึ่งเล่นตำแหน่งแบ็คซ้าย หรือปีกซ้าย ให้กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด สวมเสื้อหมายเลข 11 และ ฟุตบอลทีมชาติเวลส์ เคยอยู่สโมสรฟุตบอลทอตแนมฮ็อตสเปอร์ และยังเป็นนักฟุตบอลที่ได้รางวัลผู้เล่นแห่งปีจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ[1] ปัจจุบันได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยราคา 85 ล้านปอนด์ เป็นสถิติโลกใหม่ของการซื้อขายนักฟุตบอล
เบล เกิดที่คาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ เป็นลูกชายแฟรงค์ เบล และเป็นหลานชายของ คริส เพคส์ อดีตผู้เล่นของคาร์ดิฟฟ์ซิตี อีกด้วย โดยสมัยที่เจ้าตัวอายุได้ 9 ขวบ เจ้าตัวก็ได้รับความสนใจจากแมวมองของเซาท์แธมป์ตัน จากนั้น เบล ก็เข้าเรียนที่โรงเรียนวิทเชิร์ช ไฮสคูล ในคาร์ดิฟฟ์ที่ซึ่งลงเล่นรักบี้, ฮ็อคกี้ และวิ่งระยะไกล ไปพร้อมกับการเล่นฟุตบอล โดยระหว่างที่เรียนที่วิทเชิร์ช เบลก็ได้ฝึกฝีเท้ากับสถาบันฟุตบอลของทีมเซาแทมป์ตันที่เมืองบาธ ไปด้วยพร้อม ๆ กัน กล่าวกันว่าเมื่อกลับจากโรงเรียนเบลไม่เคยอ้อนวอนพ่อให้เปิดดูการ์ตูนหรือโทรทัศน์ มีแต่อ้อนวอนให้ออกไปเล่นฟุตบอล[2]
เมื่ออายุได้ 16 ปี เบล ก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของโรงเรียนคว้าแชมป์ "คาร์ดิฟฟ์ แอนด์ เวล ซีเนียร์ คัพ" ไปครอง และเมื่อเรียนจบในช่วงซัมเมอร์ 2005 แผนกพลศึกษาของโรงเรียนก็ได้มอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านกีฬาให้กับดาวรุ่งรายนี้ด้วย
เบล พัฒนาฝีเท้าได้อย่างรวดเร็วและเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะจอมยิงฟรีคิกของทีม ขณะที่เกมสุดท้ายของเบล กับเซาแทมป์ตัน เป็นเกมเพลย์ออฟแชมเปี้ยนชิพ รอบรองชนะเลิศ กับดาร์บี้ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2007 แต่เจ้าตัวกลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งหลังจนไม่สามารถฝืนเล่นต่อไปได้ โดยปีก/แบ็คซ้าย รวมทั้งหมดเบลเล่นให้กับเซาแทมป์ตันไป 45 นัด และทำไป 5 ประตู
จากนั้น เบล ก็ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ สเปอร์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2007 และเซ็นสัญญาเป็นเวลา 4 ปี โดยสเปอร์จ่ายค่าตัวไป 5 ล้านปอนด์ (ราว 300 ล้านบาทในเวลานั้น) พร้อมกับอ็อปชั่นที่ว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมหากว่า เบล สามารถช่วยให้สเปอร์ส ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งคาดว่ารวม ๆ แล้วอาจจะสูงถึง 10 ล้านปอนด์ เบล ประเดิมสนามนัดแรกให้สเปอร์ส ในเกมอุ่นเครื่องกับเซนต์ แพตทริคส์ แอตแลติก เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2007 ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวในช่วงท้ายเกมเนื่องจากบาดเจ็บ
จากนั้น เบล ก็สามารถพังประตูแรกให้สเปอร์ในแมตช์อย่างเป็นทางการได้สำเร็จในเกมที่เสมอกับฟูแล่ม 3-3 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2007 ก่อนที่จะตามมาด้วยการทำสกอร์จากฟรีคิกในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งลอนดอนเหนือกับอาร์เซน่อล และตามด้วยการทำประตูในเกมลีก คัพ ที่พบกับมิดเดิลสโบรช์ ซึ่งทำให้เบล ซึ่งเป็นดาวรุ่งวัย 18 ปีในเวลานั้น กลายเป็นขวัญใจแฟนบอลสเปอร์ส อย่างรวดเร็ว หลังทำไป 3 ประตูจากการลงสนาม 4 นัดแรก
ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2007 เบล ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวาอย่างรุนแรง จนต้องพักนานหลายเดือน อย่างไรก็ตามในเดือนสิงหาคม 2008 เจ้าตัวก็ได้เซ็นสัญญากับสเปอร์ส เพิ่มอีก 4 ปีแม้ส่วนตัวแล้วจะทำผลงานได้ดี แต่ไม่น่าเชื่อว่า เบล จะมีสถิติลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก 24 นัดให้สเปอร์ส โดยที่ทีมไม่ชนะเลย จนโดนตราหน้าว่าเป็น "ตัวซวย"[2] ที่เมื่อลงสนามเมื่อไหร่ ทีมจะไม่ชนะ ซึ่งกว่าที่เบลจะได้สัมผัสชัยชนะในลีกเป็นนัดแรกก็ต้องรอจนถึงเกมที่พบกับเบิร์นลีย์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2009 ซึ่งกินเวลามากกว่า 2 ปี หลังจากที่เซ็นสัญญาในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน โดยเกมดังกล่าวเบลถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 85
ฤดูกาล 2010-11 เบล เริ่มต้นได้อย่างสวยหรูเมื่อเหมาคนเดียว 2 ประตูให้ทีมชนะสโตกซิตี 2-1 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2010 และถัดมาอีก 4 วัน เบลก็ทำแอสซิสต์ทั้ง 4 ลูกให้ สเปอร์ส ถล่ม ยัง บอยส์ เบิร์น จากสวิตเซอร์แลนด์ 4-0 ในศึกแชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ ที่ไวต์ฮาร์ตเลน ฤดูกาล 2012-13 เบล เปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์ไรอัน กิกส์ ขวัญใจของเบลในทีมชาติเวลส์
ปัจจุบันได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยราคา 85.3 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติโลกของคริสเตียโน โรนัลโด นักเตะปัจจุบันของรีล มาดริดเช่นกัน โดยทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2013
วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)